ไขมันพอกตับ จัดเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบของคนไทย ที่พบได้มากถึง 1 ใน 4 ของประชากร ท่านอาจตรวจพบภาวะนี้ได้จากการตรวจสุขภาพประจำปี บางท่านอาจเริ่มมีความกังวลว่า หากปล่อยไว้ จะเกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมาหรือไม่ จะหายาอะไรมารักษา หรือล้างไขมันที่พอกตับอยู่นี้ได้บ้าง วันนี้หมอมีคำตอบมาให้ ผ่านบทความนี้ค่ะ
สารบัญ
- แจกวิธีสังเกต ใครเสี่ยงไขมันพอกตับบ้าง
- ไขมันพอกตับ ตรวจวิธีไหนได้บ้าง
- ยาอะไรรักษาไขมันพอกตับ ยาที่ดีที่สุดต้องตัวนี้!
- ไขมันพอกตับ ต้องกินอาหารแบบไหน
- วิตามินบำรุงตับ ต้องกินอะไรบ้าง
- สรุป
แจกวิธีสังเกต ใครเสี่ยงไขมันพอกตับบ้าง
แม้ไขมันพอกตับจะเป็นโรคที่ไม่มีอาการ หลายๆท่านอยากมีภาวะไขมันพอกตับซ่อนอยู่โดยที่ท่านไม่รู้ตัว แต่หากท่านจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อไปนี้ ท่านควรรีบแก้ไขปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว และตรวจสุขภาพของท่านเป็นระยะๆ
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยปกติแล้ว แอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกาย จะถูกกำจัดที่ตับ แต่หากท่านดื่มบ่อย และดื่มมากเกินไป แอลกอออล์ส่วนเกิน จะเป็นพิษต่อเซลล์ตับของท่านโดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ตัวแอลกอฮอล์ยังกระตุ้นให้เซลล์ตับเกิดการสะสมไขมันมากขึ้นด้วยเช่นกัน
- ผู้ที่มีโรคอ้วน น้ำหนักตัวมาก น้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง
- ผู้ที่มีโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลิน ภาวะนี้จะทำให้ปริมาณของไขมันในช่องท้องของท่านมีมากขึ้น และไปสะสมที่ตับของท่านได้
- ผู้ที่รับประทานของหวานเยอะๆ โดยเฉพาะของหวาน หรือเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs) น้ำตาลฟรุกโตสปริมาณมากนี้ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของท่านอย่างรวดเร็ว และเข้าไปทำร้ายเซลล์ตับของท่านได้โดยตรง
ไขมันพอกตับ ตรวจวิธีไหนได้บ้าง
เมื่อภาวะไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการใดๆเลยในระยะแรก ท่านจะทราบได้อย่างไร ว่าท่านมีปัญหาไขมันพอกตับอยู่หรือไม่ ท่านสามารถตรวจหาภาวะไขมันพอกตับได้ จาก 3 วิธีนี้
- ตรวจเลือดดูค่าการทำงานของตับ (Liver function test) มักเป็นการตรวจพื้นฐานที่นิยมตรวจในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี โดยดูจากค่า SGOT (หรืออาจแสดงในค่า AST) และ SGPT (หรืออาจแสดงในค่า ALT) ที่พบว่าสูงกว่าปกติ และอาจพบร่วมกับมีระดับน้ำตาล และไขมันไตรกลีเซอไรด์ผิดปกติ
- ตรวจอัลตราซาวด์บริเวณช่องท้อง เพื่อดูลักษณะเฉพาะโรคของตับ โดยอาจพบว่า ตับมีขนาดโต และขาวขึ้นกว่าปกติ
- การตรวจด้วย Fibroscan เป็นการตรวจความยืดหยุ่น พร้อมกับประเมินไขมันที่สะสมภายในตับ เพื่อสำรวจความเสียหายของเนื้อเยื่อตับ จากไขมันที่ไปพอกและสะสมมากกว่าปกติ
ยาอะไรรักษาไขมันพอกตับ ยาที่ดีที่สุดต้องตัวนี้!
เมื่อตรวจเจอภาวะไขมันพอกตับ หลายท่านจะเริ่มมองหา ยาล้างไขมันพอกตับ หรือยาที่ช่วยรักษาภาวะไขมันพอกตับ หมอคงต้องขอบอกไว้ตรงนี้ว่า
“ไม่มียาใดที่จะช่วยล้างไขมันพอกตับได้”
เนื่องจากชื่อเรียก ไขมันพอกตับ อาจทำให้หลายท่านเข้าใจผิด คิดว่าไขมันแค่พอกอยู่ที่ด้านนอกของตับเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย เพราะชื่อที่แท้จจริงของภาวะนี้คือ ภาวะตับคั่งไขมัน โดยจะเกิดการสะสมของไขมันในทุกๆเซลล์ของเซลล์ตับ เพื่อให้นึกภาพง่ายขึ้น หมออยากให้ท่านนึกถึงเมนูสุดหรูอย่าง ฟัวกราส์ ตับทองคำรสละมุนลิ้นที่มาจากตับที่มีไขมันสะสมอยู่ในปริมาณมาก จะเห็นได้ว่าสีขาวของฟัวกราส์จะขาวไปทั้งหน้าตัด ไม่ได้เคลือบอยู่แค่ด้านนอกเหมือนที่หลายๆท่านเข้าใจ
ตับของผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับก็เช่นกัน ไขมันจะเข้าไปแทรกอยู่ในทุกเซลล์ของเซลล์ตับ ทำให้เซลล์อ้วน และตับทั้งตับโตขึ้น จึงไม่มียาใดที่จะมาล้างหรือแก้ภาวะไขมันพอกตับได้โดยง่าย
ยารักษาโรคไขมันพอกตับที่ดีที่สุด ที่มีหลักฐานรองรับในระดับสากล คือ การออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และลดน้ำหนัก โดยหากท่านลดน้ำหนักได้ 5-10% ค่าการทำงานของตับท่านจะดีขึ้น และหากลดได้ถึง 15-20% อาจทำให้ท่านหายจากภาวะไขมันพอกตับได้ โดยที่ท่านไม่ต้องรับประทานยาใดๆเลย
ไขมันพอกตับ ต้องกินอาหารแบบไหน
หลักการสำคัญที่ช่วยให้ท่านแก้ภาวะไขมันพอกตับได้อย่างรวดเร็ว คือการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยให้ท่านยึดหลักการดังนี้
- เพิ่มการรับประทานธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole grain)
- เพิ่มการทานถั่ว ผักและผลไม้
- เลือกทานไขมันจากแหล่งไขมันดี โอเมก้า-3 และโอเมก้า-9 เช่น ในน้ำมันมะกอก ในถั่ววอลนัท ไขมันจากปลาทะเล
- เลือกโปรตีนจากปลาเป็นหลัก
- งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
- ลดการบริโภคน้ำตาล น้ำหวาน น้ำอัดลม รวมไปถึงเบเกอรี่ ขนมถุงขนมซองที่มีส่วนผสมของ น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs)
- ลดการรับบประทานไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลจากอาหาร
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป ของทอดน้ำมันท่วม
วิตามินบำรุงตับ ต้องกินอะไรบ้าง
ปัจจุบันมีอาหารเสริมออกมาอวดอ้างสรรพคุณเกี่ยวกับการบำรุงตับมากมาย อาทิเช่น Milk thistle หรือ Hawthorn แม้จะเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วยังคงขาดหลักฐานงานวิจัยที่จะมารองรับสรรพคุณเหล่านี้
ส่วนวิตามินที่มีงานวิจัยรองรับ และเกี่ยวข้องกับภาวะไขมันพอกตับ รวมถึงโรคตับอื่นๆโดยตรง มีดังนี้
- วิตามินดี (Vitamin D) หากท่านมีภาวะขาดวิตามินดี จะส่งผลเสียต่อการเกิดผังผืด และเกิดการอักเสบได้มากขึ้น และตับยังทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างวิตามินดีของร่างกาย ยิ่งท่านเป็นโรคตับจะยิ่งทำให้ท่านมีภาวะขาดวิตามินดีมากขึ้นไปอีก
- วิตามินอี (Vitamin E) หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้โรคไขมันพอกตับรุนแรงขึ้น คือ การเกิดอนุมูลอิสระ และ Oxidative stress วิตามินอีจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญที่จะช่วยต้านการอักเสบ และลดอนุมูลอิสระที่จะทำร้ายเซลล์ตับของท่านได้ โดยจะพบได้จาก อะโวคาโด้ กีวี่ อัลมอนด์ ถั่วฮาเซลนัท เมล็ดดอกทานตะวัน ผักโขม บล็อกโคลี่ เป็นต้น
แม้วิตามินดังกล่าวจะให้ประโยชน์ต่อตับ รวมไปถึงอวัยวะอื่นๆของร่างกาย แต่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนเสริมเท่านั้น วิธีในการบำรุงตับที่ดีที่สุด ยังคงเป็นการดูแลน้ำหนัก ดูแลเรื่องอาหารการกิน หลีกเลี่ยงการรับประทานสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ตับโดยตรง เช่น แอลกอฮอล์ วิธีเหล่านี้จะช่วยถนอมตับของท่าน และช่วยบำรุงตับของท่านได้อย่างแท้จริง
สรุป
ปัจจุบันยังไม่มียาตัวใดที่สามารถล้าง หรือรักษาไขมันพอกตับได้ดังคำโฆษณา ยาที่ดีที่สุด คือ การลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย และปรับอาหารการกินของท่านให้เหมาะสม สิ่งเหล่านี้จะทำให้ท่านแก้ภาวะไขมันพอกตับได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาใดๆเลย