ไขมันพอกตับอาการสาเหตุ ที่คนยังเข้าใจผิด

ไขมันพอกตับอาการสาเหตุ

         ไขมันพอกตับ ถือเป็นหนึ่งในภัยเงียบที่กำลังมาแรงของคนไทย พบได้มากถึง 1 ใน 4 ของประชากรไทย และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตของคนไทย ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดโรคนี้มากขึ้นในทุกๆปี นอกจากนั้นความอันตรายของโรคนี้ แม้ว่าในระยะแรกจะไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่หากปล่อยไว้ อาจกลายไปเป็นตับแข็ง หรือกลายเป็นมะเร็งตับในอนาคตได้เลย

สารบัญ

 

ไขมันพอกตับ มีอาการอย่างไร

              ไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดงใดๆในระยะแรก หลายท่านมักตรวจเจอโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปีเท่านั้น จะเริ่มแสดงอาการก็ต่อเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนเข้ามา เช่น

  • มีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องด้านขวาบน จากอาการของภาวะตับอักเสบ
  • อาการของภาวะตับแข็ง เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง ขาบวม เท้าบวม ท้องบวมโต มีน้ำในช่องท้อง
  • หรืออาจมีอาการ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างเฉียบพลัน หากกลายไปเป็นมะเร็งตับเพิ่มเข้ามา

ท้องอืดบ่อยๆ ใช่ไขมันเกาะตับหรือไม่

              แม้ว่าผู้ที่เป็นไขมันพอกตับ จะตรวจพบว่าตับมีขนาดที่โตขึ้น จากเซลล์ตับที่มีไขมันเข้าไปแทรก แต่อาการท้องอืด ก็เป็นอาการทั่วไป ที่พบได้บ่อยจากหลายๆโรค ไม่ได้จำเพาะกับภาวะไขมันพอกตับแต่อย่างใด เช่น อาจเกิดจากปัญหาการย่อยอาหารที่ผิดปกติ สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ที่เปลี่ยนแปลงไป หรือปัญหาทางเดินอาหารอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดอาการท้องอืดได้เช่นกัน

              ดังนั้น แม้ว่าท่านจะไม่มีอาการท้องอืด ท่านก็ไม่ควรไว้วางใจ หากท่านมีความเสี่ยง ท่านอาจมีปัญหาไขมันพอกตับซ่อนอยู่ได้ ท่านจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นระยะๆ และให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงที่ท่านมีอย่างเร่งด่วน

ไขมันพอกตับ เกิดจากสาเหตุอะไร

              ไขมันพอกตับ เกิดจากการมีไขมันเข้าไปสะสมในเซลล์ตับมากกว่าปกติ คือ มีไขมันสะสมในตับ มากกว่า 10-15% เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง น้ำหนักเกิน
  • เกิดจากปัญหาระบบเผาผลาญบกพร่อง หรือภาวะดื้ออินซูลิน เนื่องจากฮอร์โมนอินซูลินที่มากเกินไป จะทำให้เกิดการเก็บสะสมของไขมันในอวัยวะต่างๆ รวมถึงในเซลล์ตับด้วยเช่นกัน
  • เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป โดยปกติแล้ว ตับของเราจะมีหน้าที่ในการกำจัดแอลกอฮอล์ แต่ถ้าท่านดื่มมาก หรือดื่มบ่อยจนเกิดไป แอลกอฮอล์ส่วนเกิด จะเป็นพิษต่อเซลล์ตับของท่านโดยตรง นอกจากนั้นแอลกอฮอล์ยังเพิ่มการสะสมของไขมันที่ตับของท่านได้อีกด้วย
  • เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup ซึ่งเป็นน้ำตาลฟรุกโตสเข้มข้น น้ำตาลชนิดนี้สามารถเข้าไปทำร้ายเซลล์ตับของท่านได้โดยตรง

          สาเหตุเหล่านี้จะทำให้ตับของท่านเกิดการสะสมไขมันมากขึ้นโดยที่ท่านไม่รู้ตัว และไขมันเหล่านี้จะสร้างสารอักเสบขึ้นมาในเซลล์ตับ และเกิดการอักเสบเรื้อรัง เมื่อตับของท่านพยายามที่จะซ่อมแซมตัวเอง จะเกิดเป็นผังผืดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสุดท้ายจะกลายเป็นตับแข็งในที่สุด

ไขมันพอกตับ รักษาหายไหม

              แม้ว่าไขมันพอกตับจะเป็นโรคที่น่ากลัว ที่หากปล่อยไว้ สามารถกลายไปเป็นโรคตับแข็ง หรือกลายไปเป็นมะเร็งตับได้ แต่ข่าวดีสำหรับผู้ที่เพิ่งตรวจเจอภาวะไขมันพอกตับ คือ ภาวะนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยไม่ต้องใช้ยา หรืออาหารเสริมใดๆ เพียงแค่การปรับอาหาร ปรับพฤติกรรมด้วยตัวของท่านเอง

วิธีรักษาไขมันพอกตับ ให้หายไวที่สุด

              วิธีการรักษาภาวะไขมันพอกตับที่ดีที่สุด ไม่ใช่การหายา หรืออาหารเสริมราคาแพงมารับประทาน แต่เป็นการ ลดน้ำหนัก

              หลักการรักษาภาวะไขมันพอกตับที่ดีที่สุด คือ การลดน้ำหนัก โดยหากท่านมีภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน หากท่านลดน้ำหนักเพียง 5-10% ค่าการทำงานของตับจะเริ่มดีขึ้น และหากท่านยังลดน้ำหนักต่อเนื่องไปจนถึง 15-20% ท่านสามารถหายขาดจากภาวะไขมันพอกตับได้เลย

              แต่หากท่านเป็นไขมันพอกตับ แต่ท่านมีรูปร่างปกติ ไม่มีภาวะอ้วน หลายท่านก็อาจสงสัยว่า จะยังต้องลดน้ำหนักอีกหรือไม่ หรือจะต้องทำอย่างไร หากท่านเป็นผู้ที่มีรูปร่างผอม แต่มีภาวะไขมันพอกตับ ท่านยังควรต้องลดและควบคุมน้ำหนักอยู่เช่นกัน แต่ไม่ต้องลดน้ำหนักมากเท่าผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ขอเพียงลดได้ 3-5% นั่นก็ทำให้ภาวะไขมันพอกตับของท่านดีขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด

              นอกจากการลดน้ำหนักแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆ ก็จะเป็นตัวช่วยให้ท่านสามารถแก้ภาวะไขมันพอกตับได้ดีและไวขึ้น เช่น

  • การควบคุมอาหาร เน้นการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอเรเนียน หรือ Mediterranean diet เน้นการรับประทานผัก ผลไท้ ธัญพืชเต็มเมล็ด เน้นการทานโปรตีนจากพืช จากปลา จากไก่เป็นหลัก ที่สำคัญคือต้องเลือกรับประทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก จะช่วยให้ท่านลดไขมันพอกตับได้ดีขึ้น
  • เพิ่มการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิค อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ร่วมกับการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง 2 วันต่อสัปดาห์ และเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวัน จะช่วยให้ท่านเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำร้ายตับของท่าน เช่น แอลกอฮอล์ ที่เป็นพิษต่อเซลล์ตับของท่านโดยตรง รวมไปถึงอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่ม ที่มีส่วนวผสมของน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High fructose corn syrup น้ำตาลฟรุกโตสเข้มข้นนี้ สามารถเข้าไปทำร้ายเซลล์ตับของท่านได้โดยตรงเช่นกัน

สรุป

         ไขมันพอกตับเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเป็นส่วนใหญ่ ทั้งพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย มักไม่มีสัญญานเตือนอะไร นอกจากการตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งการรักษาที่ดีที่สุด ไม่ใช่การหาซื้อยาหรืออาหารเสริมแพงๆมารับประทาน แต่เป็นการลดน้ำหนัก และควบคุมอาหาร ที่ท่านสามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตัวของท่านเอง