ภาวะไขมันพอกตับ เป็นสิ่งที่หลายๆท่านอาจตรวจเจอจากการตรวจสุขภาพประจำปีโดยบังเอิญ ภาวะนี้จัดเป็นภัยเงียบของคนไทยที่พบได้มากถึง 1 ใน 4 และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนแปลงไป หากท่านตรวจพบภาวะนี้แล้วไม่รีบแก้ไข อาจทำใหท้ท่านกลายเป็นภาวะตับแข็ง หรือมะเร็งตับในอนาคตได้
สารบัญ
- นี่คือสาเหตุ ของไขมันพอกตับ
- ไขมันพอกตับ มีอาการอย่างไร?
- วิธีรักษา ไขมันพอกตับ ทำตามนี้อาการดีขึ้นแน่นอน
- อาหาร “ลด” ไขมันพอกตับ
- สัญญาณว่าไขมันพอกตับของคุณเริ่มดีขึ้น?
- สรุป
นี่คือสาเหตุ ของไขมันพอกตับ
เราอาจจะคุ้นชินกับคำว่า โรคไขมันพอกตับ (Fatty liver disease) แต่จริงๆแล้วชื่อเรียกที่ถูกต้องคือ ภาวะตับคั่งไขมัน เป็นภาวะที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์เข้าไปสะสมในเซลล์ตับมากกว่าปกติ คือมากกว่า 5-10% นอกจากจะทำให้เซลล์ตับ และตัวตับเองมีขนาดที่โตขึ้นแล้ว ไขมันที่มากเกินไปนี้ ยังไปทำให้การทำงานของตับผิดปกติไป เกิดการอักเสบมากขึ้น และหากปล่อยไว้ไม่รีบแก้ไข การอักเสบนี้จะเร่งการเกิดผังผืด กลายเป็นภาวะตับแข็ง หรือโรคมะเร็งตับได้เลย
โรคไขมันพอกตับ เกิดได้จากหลายสาเหตุ และคุณอาจจะมีสาเหตุเหล่านี้อยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัว
- การดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อร่างกายเราได้รับแอลกอฮอล์เข้าไป แอลกอฮอล์จะถูกทำลายที่ตับ แต่หากคุณดื่มมาก และดื่มบ่อยเกินกว่าความสามารถของตับคุณจะทำลายได้ทัน แอลกอฮอล์ที่เหลือจะเป็นพิษต่อเซลล์ตับโดยตรง และเร่งให้เกิดการสะสมของไขมันในเซลล์ตับมากขึ้น
- น้ำหนักเกิน หรือภาวะอ้วนลงพุง ภาวะนี้จะทำให้คุณมีไขมันในช่องท้อง หรือ Visceral fat มากขึ้น และไขมันเหล่านี้จะไปสะสมที่ตับได้
- โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง หรือผู้ที่มีภาวะระบบเผาผลาญบกพร่อง (Metabolic syndrome) ผู้ที่มีภาวะเหล่านี้ จะพบว่ามีภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) เมื่อฮอร์โมนอินซูลินถูกหลั่งออกมามากเกินไป จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันตามอวัยวะต่างๆมากขึ้น รวมไปถึงที่ตับด้วยเช่นกัน
- การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานไขมัน และน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนประกอบของ น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs) น้ำตาลฟรุกโตสจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว และเข้าไปทำร้ายตับของคุณโดยตรง
ไขมันพอกตับ มีอาการอย่างไร?
ความน่ากลัวของโรคไขมันพอกตับ คือ เป็นโรคที่ระยะแรกจะไม่มีอาการใดๆเลย หลายท่านจึงมีภาวะนี้อยู่โดยไม่รู้ตัว บางท่านที่โชคดี มีโอกาสตรวจสุขภาพประจำปี ก็อาจตรวจเจอภาวะนี้โดยบังเอิญ อาการของไขมันพอกตับมักจะแสดงออกมาชัดเจน เมื่อมีภาวะตับอักเสบแทรกซ้อน หรือกลายไปเป็นตับแข็งแล้ว โดยท่านอาจมีอาการดังต่อไปนี้
- อ่อนเพลียง่ายผิดปกติ ปวดท้องด้านขวาบน จากตับอักเสบ หรืออาจจะยังไม่มีอาการ
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ขาบวม ท้องบวมโต มีน้ำในช่องท้อง จากภาวะตับแข็ง
วิธีรักษา ไขมันพอกตับ ทำตามนี้อาการดีขึ้นแน่นอน
เมื่อตรวจพบกว่ามี ภาวะไขมันพอกตับ หลายๆท่านจะเริ่มกังวล มองหายาที่จะมาช่วยรักษาภาวะนี้ แต่แท้จริงแล้ว ไม่มียาตัวไหนที่จะช่วยลด หรือล้างไขมันที่พอกตับของคุณอยู่ได้เลย สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้โรคไขมันพอกตับของคุณดีขึ้น หรือหายจากโรคนี้ได้ คุณต้องทำตามสิ่งเหล่านี้
- ลดน้ำหนักอย่างจริงจัง โดยหากท่านลดน้ำหนักได้ 5-10% จากน้ำหนักตั้งต้น ท่านจะเริ่มสังเกตุได้ว่า ค่าการทำงานของตับจะดีขึ้น และหากท่านยังคงลดน้ำหนักได้ต่อเนื่อง จนถึง 15-20% ของน้ำหนักตั้งต้น ไขมันที่พอกตับของท่านอยู่จะลดลง หรืออาจหากจากภาวะนี้ได้เลย
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ปรับมารับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงมากขึ้น ลดการทานไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอล ลดการกินน้ำตาล งดอาหารแปรรูปและของทอด เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงสารที่เป็นพิษต่อตับ เช่น งดการดื่มแอลกอฮอล์ งดอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs)
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลดเวลาที่ท่านนั่งนิ่งๆ ให้ท่านลุกเดิน หรือขยับตัวบ่อยๆ
อาหาร “ลด” ไขมันพอกตับ
หนึ่งในวิธีรักษาไขมันพอกตับ ที่หมอได้เกริ่นไว้ข้างต้น คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด โดยท่านสามารถปรับอาหารได้ตามหลักการต่อไปนี้
- เพิ่มการรับประทานธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole grain)
- เพิ่มการทานถั่ว ผักและผลไม้
- เลือกทานไขมันจากแหล่งไขมันดี โอเมก้า-3 และโอเมก้า-9 เช่น ในน้ำมันมะกอก ในถั่ววอลนัท ไขมันจากปลาทะเล
- เลือกโปรตีนจากปลาเป็นหลัก
- งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
- ลดการบริโภคน้ำตาล น้ำหวาน น้ำอัดลม รวมไปถึงเบเกอรี่ ขนมถุงขนมซองที่มีส่วนผสมของ น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs)
- ลดการรับบประทานไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลจากอาหาร
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป ของทอดน้ำมันท่วม
หากท่านสามารถควบคุมอาหารได้ตามนี้ ร่วมกับการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ท่านจะสามารถลดไขมันพอกตับของท่านได้อย่างเห็นได้ชัด
สัญญาณว่าไขมันพอกตับของคุณเริ่มดีขึ้น?
เมื่อคุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการกิน ออกกำลัง และน้ำหนักตัวคุณลดได้ประมาณ 5-10% จากน้ำหนักตั้งต้น สัญญาณแรกที่จะบอกได้ว่า คุณมาถูกทาง คือ เมื่อคุณตรวจเลือด คุณจะพบว่า ค่าการทำงานของตับคุณจะดีขึ้น ค่าเอนไซม์ตับลดลง หรือกลับสู่ระดับปกติ หากคุณมีอาการอ่อนเพลียจากภาวะตับอักเสบร่วมด้วย อาการอ่อนเพลียเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นจะหายไปในที่สุด
หากคุณยังคงลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่อง จนลดได้ประมาณ 15-20% และคุณมีโอกาสได้ตรวจอัลตราซาวน์ตับ จะพบว่า ไขมันที่พอกตับคุณอยู่จะค่อยๆลดลง หรืออาจหายเป็นปกติได้เลย
สรุป
ไขมันพอกตับ แม้จะเป็นภัยเงียบอันดับต้นๆของคนไทย แต่หากคุณตรวจพบ และรีบแก้ไขอย่างถูกต้องรวดเร็วตามวิธีที่หมอแนะนำ คุณสามารถหายจากภาวะไขมันพอกตับได้ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ ได้โดยไม่ต้องพึ่งยาใดๆ