ไขมันพอกตับ เกิดจากอะไร หมอเตือน! ไม่กินเหล้าก็เป็นได้!?

ไขมันพอกตับ เกิดจากอะไร

          ไขมันพอกตับ เป็นโรคที่พบได้มากถึง 1 ใน 4 ของคนไทย และส่วนมากมักไม่รู้ตัว เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการ และหลายคนนึกชะล่าใจ เห็นว่าตนเองไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นตับไม่น่าจะมีปัญหา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แค่แอลกอฮอล์เท่านั้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่ทำให้ท่านเกิดภาวะตับคั่งไขมันโดยไม่รู้ตัวได้

สารบัญ

ไขความลับ! ไขมันพอกตับ เกิดจากอะไร?

              โรคไขมันพอกตับ (Fatty liver disease) หรือชื่อจริงๆคือ ภาวะตับคั่งไขมัน เป็นภาวะที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สะสมในตับมากกว่าปกติ คือมากกว่า 5-10% ไขมันที่มากเกินไปนี้ จะทำให้การทำงานของตับผิดปกติไป หากปล่อยไว้ไม่แก้ไข อาจลุกลามกลายเป็นภาวะตับแข็ง หรือโรคมะเร็งตับได้เลย แม้ว่าท่านจะไม่เคยดื่มเหล้าเลยก็ตาม

              นอกจากการดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ตับมากขึ้นแล้ว แม้ว่าท่านจะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ ท่านก็เกิดภาวะตับคั่งไขมันได้ หากท่านมีปัญหาดังต่อไปนี้

  • โรคระบบการเผาผลาญบกพร่อง (Metabolic syndrome) โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิตสูง
  • น้ำหนักเกิน โรคอ้วน ภาวะอ้วนลงพุง
  • การรับประทานอาหารของท่านไม่เหมาะสม เช่น การทานน้ำตาล และไขมันที่มากเกินไป

แจกวิธีสังเกต ใครเสี่ยงไขมันพอกตับบ้าง

              ความอันตรายของโรคไขมันพอกตับ คือ พบได้มากถึง 1 ใน 4 ของประชากร และส่วนมากมักมีภาวะไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว เพราะไขมันพอกตับเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดงใดๆ ในระยะแรก กว่าท่านจะรู้ตัว บางทีก็ก่อปัญหาจนการทำงานขตับผิดปกติไปแล้ว ดังนั้น หากท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อไปนี้ ท่านควรดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

  • ท่านเป็นผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ท่านจะเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่อเซลล์ตับ เกิดการอักเสบได้ง่าย
  • ท่านเป็นผู้ที่มีโรคอ้วน น้ำหนักตัวมาก น้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง
  • ท่านเป็นผู้ที่มีโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลิน
  • ท่านเป็นผู้ที่รับประทานของหวานเยอะๆ โดยเฉพาะของหวาน หรือเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs)

              หากท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงนี้ข้อใดข้อหนึ่ง ท่านควรรีบแก้ไขปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว และหมั่นตรวจสุขภาพเป็นระยะๆ

ไขมันพอกตับ ดูจากค่าอะไรบ้าง? จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไขมันพอกตับ

           ท่านสามารถตรวจดูภาวะไขมันพอกตับได้จากหลายวิธี ทั้งจากการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพประจำปี ไปจนถึงการตรวจด้วยวิธีพิเศษ ที่จะมีความแม่นยำมากขึ้น โดยท่านสามารถตรวจหาไขมันพอกตับได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ตรวจเลือดดูค่าการทำงานของตับ (Liver function test) โดยดูจากค่า SGOT (หรืออาจแสดงในค่า AST) และ SGPT (หรืออาจแสดงในค่า ALT) ที่พบว่าสูงกว่าปกติ และอาจพบร่วมกับมีระดับน้ำตาล และไขมันในเลือดผิดปกติ
  • ตรวจอัลตราซาวด์บริเวณช่องท้อง เพื่อดูลักษณะเฉพาะโรคของตับ โดยอาจพบว่า ตับมีขนาดโต และขาวขึ้นกว่าปกติ
  • การตรวจด้วย Fibroscan เป็นการตรวจความยืดหยุ่น พร้อมกับประเมินไขมันที่สะสมภายในตับ เพื่อสำรวจความเสียหายของเนื้อเยื่อตับ จากไขมันที่ไปพอกและสะสมมากกว่าปกติ

ไขมันพอกตับ หายได้ไหม?

              ภาวะไขมันพอกตับ สามารถแก้ไข และหายได้โดยไม่ต้องใช้ยา เพียงแค่ท่านลดน้ำหนัก ปรับพฤติกรรม และควบคุมอาหาร โดยมีหลักการเบื้องต้นคือ

  • เพิ่มการรับประทานธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole grain)
  • เพิ่มการทานถั่ว ผักและผลไม้
  • เลือกทานไขมันจากแหล่งไขมันดี โอเมก้า-3 และโอเมก้า-9 เช่น ในน้ำมันมะกอก ในถั่ววอลนัท ไขมันจากปลาทะเล
  • เลือกโปรตีนจากปลาเป็นหลัก
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
  • ลดการบริโภคน้ำตาล น้ำหวาน น้ำอัดลม รวมไปถึงเบเกอรี่ ขนมถุงขนมซองที่มีส่วนผสมของ น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs)
  • ลดการรับบประทานไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลจากอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป ของทอดน้ำมันท่วม

              โดยหากท่านลดนำหนักได้ 5-10% การทำงานของตับท่านจะดีขึ้น และหากท่านลดน้ำหนักต่อเนื่องไปจนถึง 10-20% ของน้ำหนักตัวตั้งต้น ภาวะไขมันพอกตับของท่านจะลดลง และสามารถหายขาดได้ หากท่านดูแลตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

ไขมันพอกตับ กินไข่ได้ไหม

            หลายท่านอาจกำลังกังวล เรื่อง การรับประทานไข่ เพราะอาจจะเคยได้ยินมาว่า ในไข่แดงมีคอเลสเตอรอล แล้วคนที่เป็นไขมันพอกตับ จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือไม่?

              จริงๆแล้วในไข่แดง นอกจากจะมีคอเลสเตอรอลแล้ว ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายของท่านอีกหลายชนิด ผู้ที่มีภาวะตับคั่งไขมัน สามารถรับประทานไข่เต็มฟอง โดยไม่ต้องเอาไข่แดงออก ได้วันละ 1 ฟองตามปกติ

              สิ่งที่ผู้ที่เป็นโรคไขมันพอกตับควรให้ความสนใจ คือ กรรมวิธีในการปรุงไข่ ท่านควรเลือกรับประทานไข่ที่ปรุงด้วยการต้ม ตุ๋น นึ่ง แทนการทอดที่ใช้น้ำมันเยอะ ไม่ควรรับประทานในรูปของไข่ดาว หรือไข่เจียว เนื่องจากท่านอาจได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น ทำให้ท่านควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น

สรุป

              ไขมันพอกตับ ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว หากท่านปล่อยให้ตัวท่านน้ำหนักเกิน อ้วน เป็นโรคเรื้อรังอื่นๆ รวมไปถึงหากท่านรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ทานน้ำตาล ทานไขมันเยอะ ท่านก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นไขมันพอกตับได้  ท่านจึงควรเริ่มต้นดูแลตนเอง ลดความเสี่ยง และตรวจสุขภาพเป็นประจำสม่ำเสมอ