วิธี “รักษา” ไขมันพอกตับที่ดีที่สุด!!

ไขมันพอกตับ วิธี รักษา

          บางท่านอาจเริ่มตรวจเจอ ไขมันพอกตับ หรือไขมันเกาะตับ จากการตรวจสุขภาพประจำปีกันบ้างแล้ว ภาวะนี้แม้ดูเหมือนจะไม่มีอาการอะไร แต่หากปล่อยไว้ อาจเกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง หรือบางท่านอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้เลย แม้ว่าท่านจะไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนเลยก้ตาม

สารบัญ

ไขมันพอกตับมีอาการ อย่างไร?

          หลายท่านอาจชะล่าใจว่า ท่านไม่ได้มีอาการอะไร ไม่ได้ปวดท้อง หรือมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารแต่อย่างใด 

         แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่หากท่านมีความเสี่ยง เช่น ท่านเป็นคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน มีภาวะอ้วนลงพุง ทานของหวาน ดื่มน้ำหวาน หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ท่านควรเฝ้าระวัง และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ เพราะโรคไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ในระยะแรกๆ จะไม่มีอาการแสดงใดๆให้ท่านเห็นเลย ทำให้กว่า 1 ใน 4 ของคนไทย เป็นโรคตับคั่งไขมัน หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าโรคไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว

ไขมันพอกตับ มีอาการ อย่างไร

“ยา” ล้างไขมันพอกตับ?

          ปัจจุบันมีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ ว่ายาหรือสมุนไพรบางชนิด ช่วยลด หรือช่วยล้างไขมันพอกตับได้ แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่มียาใดที่สามารถล้างไขมันพอกตับได้ เหมือนคำอวดอ้างนั้นเลย ความเข้าใจผิดนี้ เริ่มมาจากคำเรียก “ไขมันพอกตับ” หรือ “ไขมันเกาะตับ” ที่ฟังดูแล้วเหมือนมีไขมันมาเคลือบอยู่ที่ด้านนอกของตับเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่แบบที่หลายๆท่านเข้าใจ

          ชื่อที่แท้จริงของภาวะนี้คือ ภาวะตับคั่งไขมัน เกิดจากการที่มีไขมันสะสมในเซลล์ตับแต่ละเซลล์มากเกินไป จนทำให้การทำงานของตับนั้นผิดปกติไป 

          เพื่อให้นึกภาพได้ง่ายขึ้น ภาวะตับคั่งไขมันนี้จะคล้ายๆกับเมนูยอดฮิตอย่าง ฟัวกราส์ (Foie gras) หรือตับทองคำ ที่จะเป็นเนื้อตับสีขาวเนียนละเอียดไปทั้งหน้าตัด สีขาวที่ท่านเห็นในฟัวกราส์ คือไขมันที่แทรกอยู่ในทุกอณูของเนื้อตับนั่นเอง จึงไม่มียาใดที่จะสามารถล้างเอาไขมันพอกตับออกได้โดยง่าย การรักษาไขมันพอกตับที่ดีที่สุด จึงเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่การหายาล้างตับใดๆมารับประทาน

ยา ไขมันพอกตับ

อาหารที่ควรเลี่ยง ของคนเป็นไขมันพอกตับ

          หลักที่สำคัญที่สุดของการรักษาภาวะตับคั่งไขมัน หรือโรคไขมันพอกตับ คือ การลดน้ำหนัก โดยหากท่านลดน้ำหนักได้ 5-10% การทำงานของตับท่านจะดีขึ้น และหากท่านลดน้ำหนักได้ถึง 10-20% ภาวะไขมันพอกตับจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น เพื่อให้เห็นผลการรักษาได้ชัดเจน ท่านควรลดน้ำหนักอย่างเคร่งครัด ร่วมกับการหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้

  • ท่านควรงดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เนื่องจากแอลกอฮอล์ จะเป็นพิษต่อเซลล์ตับโดยตรง และทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ตับมากขึ้น
  • ท่านควรลดการบริโภคน้ำตาล น้ำหวาน น้ำอัดลม รวมไปถึงเบเกอรี่ ขนมถุงขนมซองที่มีส่วนผสมของ น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs) 
  • ท่านควรลดการรับบประทานไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลจากอาหาร ส่วนมากจะมาจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู เนย ชีส และหากท่านจะเลือกดื่มนม ให้เลือกผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนยเสมอ
  • ท่านควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป ของทอดน้ำมันท่วม หรือฟาสฟู้ดต่าง เพราะเป็นชนิดของอาหารที่เสี่ยงทำให้ท่านได้รับพลังงาน หรือแคลอรี่ที่มากเกินไป และทำให้ท่านควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น

ไขมันพอกตับ อาหารที่ควรเลี่ยง

อาหาร ลดไขมันเกาะตับ! กินตามนี้ไขมันพอกตับลดแน่นอน

          นอกจากอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงแล้ว มีการศึกษาวิจัยที่ชัดเจนว่า หลักการรับประทานแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet) ส่งผลดีต่อโรคไขมันพอกตับ ทำให้ไขมันพอกตับลดลง 

          หลักการกินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นลักษณะการรับประทานอาหารของคนที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีหลักการเบื้องต้น คือ

  • เพิ่มการรับประทานธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole grain)
  • เพิ่มการทานถั่ว ผักและผลไม้
  • เลือกทานไขมันจากแหล่งไขมันดี โอเมก้า-3 และโอเมก้า-9 เช่น ในน้ำมันมะกอก ในถั่ววอลนัท ไขมันจากปลาทะเล
  • เลือกโปรตีนจากปลาเป็นหลัก

อาหาร ลด ไขมันพอกตับ

อยากลดไขมันพอกตับ ต้องออกกำลังตามนี้!

          นอกจากเรื่องของอาหารการกินแล้ว พฤติกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ผู้เป็นโรคไขมันพอกตับต้องใส่ใจ คือ การออกกำลังกาย โดยผู้ที่มีภาวะตับคั่งไขมันควรยึดหลักออกกำลังกาย ดังนี้

  • เน้นออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic exercise) 

          คือ การออกกำลังกายที่มีการใช้ออกซิเจน เน้นความสำคัญไปที่การหายใจเข้าออก เพื่อให้หัวใจและหลอดเลือดเกิดการสูบฉีด และส่งต่อออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย การออกกำลังกายแบบนี้ มักเป็นการออกกำลังที่ใช้ระยะเวลานาน เช่น ว่ายน้ำ วิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน เดินเร็ว หรือการเต้นแอโรบิคที่เราคุ้นเคยกันดี

          สำหรับผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับ แนะนำให้ท่านออกกำลังกายแบบแอโรบิค อย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ (หรือ ตั้งแต่ 150 นาที/สัปดาห์ขึ้นไป) ในความหนักระดับปานกลาง

  • สลับกับการออกกำลังกายชนิดมีแรงต้าน (Resistance exercise)

          คือ การออกกำลังกายที่มีการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ต้านกับน้ำหนัก เช่น บอดี้เวท วิดพื้น ซิทอัพ ยกน้ำหนัก สควอทหรือยืนย่อ หรือการออกกำลังกายโดยใช้อุปกรณ์เบาๆต้านน้ำหนัก เช่น ยางยืด เป็นต้น

          ในผู้ที่มีปัญหาไขมันพอกตับ แนะนำให้ท่านออกกำลังกกายชนิดมีแรงต้าน อย่างน้อย 2 วัน/สัปดาห์

          นอกเหนือจากตารางกายออกกำลังกาย ขอให้ท่านลดเวลาที่ท่านนั่งเฉยๆอยู่กับที่ หมั่นขยับตัว และลุกเดินให้บ่อยขึ้น หากท่านทำได้ตามหลักการนี้ ท่านจะสามารถลดไขมันพอกตับของท่านได้อย่างเห็นได้ชัด

สรุป

          ภาวะไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ไม่มียารักษาแบบเฉพาะเจาะจง วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของท่านเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน อาหารที่ท่านควรหลีกเลี่ยง การออกกำลังกาย และที่สำคัญที่สุด คือท่านต้องลดน้ำหนักอย่างจริงจัง โดยหากท่านลดน้ำหนักเพียง 5-10% ของน้ำหนักตัวตั้งต้น จะทำให้ตับของท่านเริ่มทำงานได้ดีขึ้น และหากลดได้ 15-20% ภาวะไขมันพอกตับของท่านจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด