ความดันสูง 170 อันตรายไหม? ระวัง! อาการเหล่านี้!

ความดันสูง 170 อันตรายไหม

         แม้ว่าความดันจะสูง แต่หลายท่านยังนึกชะล่าใจ เพราะเห็นว่าไม่ได้มีอาการอะไร แต่จริงๆแล้ว ทุกวินาทีที่ความดันของท่านสูง แปลว่า อวัยวะภายในของท่านจะถูกทำลายไปเรื่อยๆ รอวันที่ความเสียหายมากพอที่จะแสดงอาการออกมา ซึ่งเมื่อนั้นจะสายเกินแก้

สารบัญ

ความดัน 170 ความดันสูงไหม? ความดันเท่าไหร่เรียกว่าสูง

         โรคความดันสูง (Hypertension) คือ ภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตสูงผิดปกติ โดยพบได้จากทั้งความดันตัวบน และความดันตัวล่าง

  • ความดันปกติ ควรมีค่าไม่เกิน 120/80 มม.ปรอท หรือความดันตัวบนไม่เกิน 120 และตัวล่างไม่เกิน 80
  • ความดันสูงกว่าปกติ มีค่าตั้งแต่ 130/85 มม.ปรอทขึ้นไป หรือความดันตัวบนมากกว่า 130 และตัวล่างมากกว่า 85 กลุ่มนี้ยังไม่วินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ควรเฝ้าระวัง และเริ่มปรับพฤติกรรม
  • โรคความดันโลหิตสูงระดับที่ 1 ระยะเริ่มแรก มีค่าตั้งแต่ 140/90 มม.ปรอทขึ้นไป หรือความดันตัวบนมากกว่า 140 และตัวล่างมากกว่า 90
  • โรคความดันโลหิตสูงระดับที่ 2 ระยะปานกลาง มีค่าตั้งแต่ 160/100 มม.ปรอทขึ้นไป หรือความดันตัวบนมากกว่า 160 และตัวล่างมากกว่า 100
  • โรคความดันโลหิตสูงระดับที่ 3 ระยะรุนแรง มีค่าตั้งแต่ 180/110 มม.ปรอทขึ้นไป หรือความดันตัวบนมากกว่า 180 และตัวล่างมากกว่า 110

         สำหรับผู้ที่มีค่าความดันตัวบน (ค่าความดันขณะหัวใจบีบตัว) 170 มม.ปรอท จึงจัดได้ว่า เป็นโรคความดันสูงในระดับที่ 2 หรือระยะปานกลาง มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความดันสูงเรื้อรังได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเรื่องอาหารการกิน ปรับพฤติกรรม รวมไปถึงต้องเริ่มรับประทานยาลดความดันตามคำสั่งแพทย์

ความดัน ขึ้น 200 อันตรายมาก! ควร ทำ อย่างไร!

          หากท่านตรวจพบว่า ท่านมีค่าความดันตัวบนสูงถึง 200 มม.ปรอทนั้น ท่านไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะนั่นแปลว่า ท่านอยู่ในกลุ่มของโรคความดันโลหิตสูง ระดับที่ 3 หรือระยะรุนแรง จัดว่าอยู่ในกลุ่มภาวะเร่งด่วนฉุกเฉินสำหรับโรคความดันสูง เป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายต่ออวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ไต และหลอดเลือดสมอง จำเป็นต้องรีบพบแพทย์เป็นการเร่งด่วน ภายในวันเดียวกัน

เช็คอาการความดันสูงเฉียบพลัน

          เนื่องจากผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง มักไม่แสดงอาการใดๆ กลุ่มที่มีอาการ มักจะเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ รวมไปถึงผู้ที่มีความดันสูงเฉียบพลัน อาจเจอปัญหาอวัยวะต่างๆเสียหายจากความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมาก ต้องรีบพบแพทย์โดยทันที โดยสามารถถสังเกตอาการได้ ดังนี้

  • เจ็บกลางอกรุนแรง ร้าวไปกรามซ้าย หรือไหล่ซ้าย เหนื่อยง่ายผิดปกติ
  • ปวดศีรษะรุนแรง ปวดจนตื่นนอน ร่วมกับมีอาเจียนรุนแรง
  • หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีก หรือแขนขาอ่อนแรง
  • ตามองไม่เห็นแบบฉับพลัน
  • ปัสสาวะไม่ออก ขาบวม เท้าบวมกดบุ๋ม

สิ่งเหล่านี้ คนเป็นความดันต้องตรวจ!

         ในผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรค บางท่านอาจเป็นมานานหลายปี ซึ่งความดันสูงเรื้อรังที่ท่านเป็น อาจก่อปัญหากับอวัยวะต่างๆของท่านโดยไม่รู้ตัว จึงเป็นสาเหตุให้ท่านจำเป็นต้องตรวจดูสภาพการทำงานของอวัยวะเหล่านั้น เช่น

  • ตรวจการทำงานของไต และระดับเกลือแร่
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ตรวจปัสสาวะ
  • ตรวจค่าเกาต์ หรือกรดยูริก
  • ตรวจค่าน้ำตาลในเลือด ตรวจระดับไขมันในเลือด

รวม 9 วิธีแก้ ความดันสูงด้วยตนเอง

          หากท่านพบว่าเริ่มมีภาวะความดันสูง ท่านสามารถเริ่มต้นการรักษาโรคความดันโลหิตสูงด้วยตนเองได้ ตั้งแต่การปรับพฤติกรรม และการรับประทานอาหาร โดยสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

  1. ลดการรับประทานโซเดียมในชีวิตประจำวัน ลดการปรุงเค็ม รวมถึงลดอาหารที่มีโซเดียมสูงอื่นๆ
  2. เน้นการรับประทานถั่ว เมล็ดพืช และธัญพืชไม่ขัดสี เป็นแหล่งของโปรตีน ไขมันดี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยลดความดันได้ดี เช่น แมกนีเซียม เป็นต้น
  3. เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้ จากผลไม้เต็มผล อุดมไปด้วยกากใยไฟเบอร์ และแร่ธาตุสำคัญอย่าง แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ที่ช่วยลดความดันได้ดีมาก
  4. เลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมจากธรรมชาติ เช่น นมไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว เต้าหู้ ถั่วและธัญพืชชนิดต่างๆ
  5. เลือกทานโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ หลีกเลี่ยงการทานเนื้อแดง และเนื้อสัตว์แปรรูป
  6. เลือกรับประทานไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันรำข้าว หลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันอิ่มตัว และงดไขมันทรานซ์ 
  7. ลดการทานน้ำตาล ของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม
  8. งดสูบบุหรี่
  9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเข้านอนให้ตรงเวลา

สรุป

         ภาวะความดันโลหิตสูง แม้ไม่มีอาการใดๆ ก็สามารถก่อผลเสีย และอันตรายต่ออวัยวะภายในของท่านได้ ดังนั้น หากท่านตรวจพบว่ามีความดันสูง ไม่ว่าจะอยู่ในระยะใดก็ตาม  ท่านควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำในการควบคุมอาหาร ปรับพฤติกรรม หรือบางท่านจำเป็นต้องเริ่มรับประทานยาลดความดันควบคู่ไปด้วย เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต