ไขมันเกาะตับ ห้ามกินอะไร! หมอเตือนเลยคนไทยกินกันเยอะมาก

ไขมันเกาะตับ ห้ามกินอะไร

         ไขมันเกาะตับ หรือที่หลายๆท่านจะคุ้นเคยกับคำว่า ไขมันพอกตับ คือ ภาวะที่ตับมีการสะสมของไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์มากกว่าปกติ โดยเกิดปัญหา แทรกอยู่ทั่วทั้งเนื้อตับ ไม่เฉพาะพอกอยู่เพียงด้านนอก เหมือนที่หลายๆท่านเข้าใจกัน

สารบัญ

ไขมันเกาะตับ อันตรายจริงไหม?

         ภาวะไขมันเกาะตับ เป็นภาวะที่พบได้มากถึง 25% ของคนไทย หรืออาจมองได้ง่ายๆว่า พบได้มากถึง 1 ใน 4 คน โดยส่วนมากอาจไม่เคยรู้ตัวเลย เพราะไขมันเกาะตับเป็นโรคที่มักไม่มีอาการแสดงอะไรเป็นพิเศษ 

         ความอันตรายของไขมันเกาะตับ คือ เมื่อมีไขมันสะสมมากกว่าปกติ จะเกิดการอักเสบขึ้นในเซลล์ตับ กระบวนการนี้จะนำไปสู่ภาวะตับแข็ง และ 2-3% สามารถกลายเป็นมะเร็งตับได้ แม้ว่าท่านจะไม่เคยดื่มเหล้า หรือแอลกอฮอล์เลยก็ตาม

         นอกจากนั้นยังพบว่า หากท่านตรวจพบภาวะไขมันพอกตับและไม่รีบแก้ไข จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้มากถึง 2.2 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี

          สำหรับใครที่ต้องการเจาะลึกหมอแนะนำให้อ่านบทความนี้เลยค่ะ ไขมันพอกตับ อันตรายไหม

ไขมันเกาะตับ อันตราย ไหม

สาเหตุของไขมันเกาะตับ

         ไขมันเกาะตับ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ปัจจุบันมีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

  • จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอออล์ (Alcoholic fatty liver disease) 

         แอลกอฮอล์ จะเป็นพิษต่อเซลล์ตับของเราโดยตรง เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น เกิดการสะสมของไขมันในเซลล์ตับมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคตับคั่งไขมัน หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า ไขมันเกาะตับ นอกจากนั้น ยังทำให้เสียสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ผนังลำไส้ทำงานผิดปกติ ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหารโดยรวมได้

         ความรุนแรงของโรคไขมันพอกตับจากสาเหตุนี้ จะขึ้นกับประเภท ปริมาณ ความถี่ และระยะเวลาที่ท่านดื่มแอลกอฮอล์ 

  • ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease หรือ NAFLD) เช่น

         นอกจากปัญหาเรื่องแอลกอฮอล์ ยังมีอีกภาวะที่ทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะทั่วร่างกาย รวมไปถึงในเซลล์ตับ คือ ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) โดยพบในกลุ่มคนเหล่านี้

    • กลุ่มที่มีโรคระบบการเผาผลาญบกพร่อง (Metabolic syndrome) โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิตสูง
    • กลุ่มที่มีการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การทานน้ำตาล และไขมันที่มากเกินไป

ไขมันเกาะตับ อาการเป็นอย่างไร

         ไขมันเกาะตับ หรือไขมันพอกตับ เป็นโรคที่พบได้มากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้ชีวิต และอาหารการกินที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพบได้มากถึง 1 ใน 4 ของคนไทย ที่น่ากังวลคือ คนส่วนมากจะเป็นไขมันเกาะตับโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากส่วนมากในระยะแรกไม่มีอาการแสดงใดๆ มักจะเริ่มตรวจเจอจากการตรวจสุขภาพประจำปี ที่อาจพบค่าการทำงานของตับที่ผิดปกติ ควบคู่ไปกับระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูงผิดปกติได้

อาหารที่ควรเลี่ยง ของคนเป็นไขมันพอกตับ

         ปัญหาสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นไขมันพอกตับกันมากขึ้น คือ การทานอาหารที่มีโภชนาการเกิน หรือมีแคลอรี่ที่เยอะเกินไป ทำให้น้ำหนักขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของการเป็นไขมันเกาะตับ ผู้ที่เป็นไขมันเกาะตับ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้

  • งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เกิดการสะสมไขมันที่ตับมากขึ้น และแอลกอฮอล์ยังเป็นพิษต่อเซลล์ตับโดยตรง
  • ลดการทานของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม โดยเฉพาะที่มีน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ High Fructose Corn Syrup (HFCs) เป็นส่วนประกอบ
  • ลดการรับประทานอาหารแปรรูป อาหารฟาสฟู้ด ของทอด เนื่องจากเป็นอาหารที่มักทำให้ท่านได้รับแคลอรี่เยอะเกินไป 

         จุดสำคัญที่ผู้มีภาวะไขมันพอกตับต้องใส่ใจเป็นพิเศษ คือ ต้องตั้งเป้าในการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง โดยหากท่านมีภาวะน้ำหนักเกิน ท่านควรลดน้ำหนักให้ได้ อย่างน้อย 5-10% ของน้ำหนักตัวตั้งต้น จะทำให้ลดไขมันพอกตับได้อย่างเห็นได้ชัด

ไขมันพอกตับ กินไข่ได้ไหม?

         เมื่อเป็นไขมันพอกตับ หลายๆท่านจะกังวลกับการรับประทานไข่ เนื่องจากมีความเชื่อว่า ไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง แต่ในไข่แดงก็ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อร่างกายอยู่มาก หากผู้ป่วยไขมันพอกตับจะรับประทานไข่ ท่านสามารถทานไข่เต็มฟอง โดยไม่ต้องเอาไข่แดงออก ได้วันละ 1 ฟองตามปกติ 

         ประเด็นสำคัญที่ผู้ป่วยไขมันพอกตับ หรือไขมันเกาะตับ ควรระมัดระวังให้การรับประทานไข่ คือ กรรมวิธีในการปรุงไข่ ให้ท่านเลือกการใช้วิธีต้ม ตุ๋น ลวก นึ่ง แทนการใช้วิธีทอด อย่างไข่ดาว หรือไข่เจียว เนื่องจากการปรุงด้วยวิธีนี้ มักต้องใช้ปริมาณน้ำมันเยอะ ท่านอาจได้รับพลังงาน หรือแคลอรี่เยอะเกินความต้องการของร่างกายได้

สรุป

ไขมันเกาะตับ หรือไขมันพอกตับ แม้จะไม่มีอาการใดๆ แต่ก็เป็นภาวะที่อันตราย และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมาโดยไม่รู้ตัวได้ หากท่านเริ่มตรวจเจอไขมันเกาะตับ ท่านสามารถเริ่มต้นดูแลตนเองได้ โดยการปรับพฤติกรรม และปรับอาหารการกินของท่าน โดยให้ท่านงดการดื่มแอลกอฮอล์ ลดการรับประทานของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม  มุ่งเป้าไปที่การลดน้ำหนักอย่างเคร่งครัด

เพียงเท่านี้ ท่านก็จะสามารถรักษาภาวะไขมันพอกตับได้โดยที่ท่านไม่ต้องพึ่งยา